
Digital Out-of-Home (DOOH)
Digital Out-of-Home คือ “เครื่องมือทรงพลัง” สำหรับนักการตลาดยุคใหม่ที่ต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) เพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) และกระตุ้นยอดขาย (Conversion)
ในงาน “Power of ONE, Powering The Future” จัดโดย Publicis Group Thailand (ปับลิซิส กรุ๊ป ประเทศไทย) หัวข้อ Power of Media โดย คุณลลิต คณาวิวัฒน์ไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและมีเดีย ปับลิซิส กรุ๊ป ประเทศไทย ฉายภาพ 6 เทรนด์สื่อในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมเข้าหากัน (Connected Era) ประกอบด้วย
ทุกวันนี้ QR Code ถูกนำมาใช้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์ ความสะดวก หนึ่งในนั้นคือ การเข้ามาอยู่ในเทรนด์ “Shoppertainment” (Shopping + Entertainment)
ในขณะที่เราดูทีวี จะปรากฏแถบขึ้นมา พร้อมกับ QR Code เพื่อ ให้ผู้ชมที่สนใจผลิตภัณฑ์ ใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code บน จอทีวี จากนั้นจะเชื่อมไปยังลิงค์ของแบรนด์สินค้านั้นๆ
ด้วยความที่ปัจจุบันเทคโนโลยีสมาร์ททีวีพัฒนามากขึ้น ทำให้สามารถ ช้อปได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากหน้าจอทีวีช้อปได้ทันทีผ่านหน้าจอ สมาร์ททีวี ตอบโจทย์ Seamless Experience โดยไม่ต้องเปลี่ยน จากจอทีวี เป็นจอมือถือ
เทรนด์การ Shoppertainment ไม่ใช่มีแค่บนแพลตฟอร์มของ e-Marketplace เท่านั้น แต่ Social Commerce ซึ่งมีการทำ Shoppertainment ด้วยเช่นกันและการสื่อสารพูดคุยกับผู้ชม แบบ Personalization เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุก สะดวก ไร้รอยต่อมากขึ้น และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อในยุค Connected Era ไม่ใช่แค่สื่อประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น แต่ทุกสื่อ สร้าง Ecosystem ของตัวเอง
-สื่อทีวี เพื่อเข้าถึงผู้ชมทุกช่องทาง ได้ออกอากาศคู่ขนาน
(Simulcast) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่นกัน
อีกทั้งยังทำคอนเทนต์ ตัดคลิปไฮไลท์รายการลง
เพื่อโปรโมทและดึงคนมาดูคอนเทนต์
-สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น Vouge โตมาจากการเป็นแมกกาซีนแฟชั่น
แต่ปัจจุบันได้ขยาย Ecosystem โดยยังงรักษา
Core ของตัวเองคือ ด้านแฟชัน ไปสู่การทำสื่อ
ประเภทต่างๆ เช่น อีเว้นท์, ออนไลน์
-สื่อวิทยุ นอกจากฟังรายการผ่านสถานีวิทยุแล้ว ยังได้ขยาย
ช่องทางสู่ออนไลน์ ทำให้ตอบโจทย์ผู้ชมทั้งการดู
และฟัง
-สื่อนอกบ้าน
(Out of Home Media)มีลิงค์ หรือ QR Code ให้ผู้ที่พบเห็น และสนใจ
ผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้นๆ เชื่อมต่อไปยังช้อปปิ้ง
ได้
ระหว่างทางของ Customer Journey สิ่งสำคัญคือ ประสบการณ์ที่ผู้บริโภค จะได้รับ ซึ่งปัจจุบันมีการนำ “เทคโนโลยี” ต่างๆ มาผสานกับสื่อประเภทต่างๆ เรียกว่า “Immersive Experience” ยกตัวอย่างเช่น
เทคโนโลยีป้ายบิลบอร์ดได้ถูกพัฒนาให้สามารถสร้าง Interaction กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา เอา โทรศัพท์มือถือไปสแกน เพื่อร่วมสนุกกับแบรนด์
ให้ลูกค้าสามารถทำออกแบบ Avatar ของตัวเอง เพื่อเข้าไปอยู่ใน Virtual World
แบรนด์สร้าง NFTs, เกม และ item ในโลกเสมือนจริง
การตลาดและการสื่อสารทุกวันนี้ ลงลึกในระดับ “Hyper Targeting” เนื่อง จากแบรนด์มีฐาน Data ทำให้สามารถนำมาต่อยอดสู่การวิเคราะห์ เพื่อทำความ เข้าใจผู้บริโภคได้ทั้งระดับ segmentation และรายบุคคล เช่นน
พฤติกรรมการใช้จ่าย พฤติกรรมการเดินทาง รูปแบบของการใช้จ่าย ช่วงเวลาของการใช้จ่าย สถานที่ที่ไปบ่อย สถานที่ที่ชอบไปซื้อสินค้า เป็นต้น
จากเทรนด์ที่ 4 เรื่อง Hyper Targeting จะเกิดขึ้นได้ แบรนด์ต้องมีการเก็บ Data โดยได้รับความยินยอม (Consent) จากผู้บริโภคก่อน ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ยังคงมี ความระแวงในการให้แต่ก็มีการใช้งานบางอย่าง ที่ยินยอมให้แบรนด์จัดเก็บข้อมูล
66% จะไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ช้อปปิ้ง หลังจากแบรนด์ยิงโฆษณามาได้ตรงความสนใจของตัวเขาเอง
47% จะแนะนำแบรนด์ ให้กับคนอื่น หลังจากเห็น Targeted Advertisement ตรงกับความสนใจ
60% มีแนวโน้มตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หลังจากได้รับโฆษณา Targeted Advertisement
อีกบทบาทของ Media คือ การสร้าง Community, Relationship ระหว่าง ผู้บริโภคด้วยกันเอง และระหว่างแบรนด์ กับผู้บริโภค รวมทั้งแบรนด์สามารถให้ Incentive เล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้บริโภค
วิธีการสื่อสารผ่านแชท จะช่วยให้ Community แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และตอบโจทย์เรื่องความสนใจ ในแบบเดียวกัน ซึ่งนำไปสู่การสร้าง Loyalty ในกลุ่มลูกค้า
“หัวใจสำคัญของเทรนด์สื่อ คือ การที่เราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมเข้าหากัน (Connected Era) ซึ่งมันคือการสร้างประสบการณ์การบริโภคสื่อที่เชื่อมต่อทุกๆ จอ ทุกๆ แพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างการเดินทาง หรือ Journey ให้กับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ต้น (Awareness) จนสิ้นสุดปลายทาง
ขอขอบคุณข้อมูล
www.marketingoops.com
Digital Out-of-Home คือ “เครื่องมือทรงพลัง” สำหรับนักการตลาดยุคใหม่ที่ต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) เพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) และกระตุ้นยอดขาย (Conversion)
Shop in Shop คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ที่มีการจับจ่ายสูง โดยไม่ต้องลงทุนสูงในการสร้างร้านค้าใหม่ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการโปรโมทแบรนด์ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ปี 2025 เป็นยุคที่การออกแบบกราฟิกไม่ได้หยุดอยู่ที่ความสวยงาม แต่เป็นการเล่าเรื่อง สร้างอารมณ์ และ สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าใจและเลือกเทรนด์ที่เหมาะสมกับแบรนด์จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น และเข้าถึงใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง